เี่รายังคงเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งซึ่งจัดแสดงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนเซี่ยงไฮ้ในบริเวณชั้นล่างของหอไข่มุกกันอยู่นะคะ
หากจะถามว่าอิชั้นชอบการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งนี้มั้ย คืออย่างน้อยอิชั้นก็ชอบฮ่้ะ จริง ๆ ที่ชอบก็เพราะพื้นฐานเป็นคนที่ค่อนข้างจะชอบท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อยู่แล้ว การได้เดินทางไปชมเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ จึงถือว่าเป็นกำไรเล็ก ๆ ในชีวิตของตัวเองอ่ะนะคะ
เมื่อตอนที่แล้ว ขณะเดินเที่ยว อิชั้นได้เล่าให้ฟังถึงปัญหาการติดฝิ่นของชาวจีนในยุคหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะมีความร้ายแรงเนื่องจากมีการระบาดไปทั่ว จนถึงในรัชสมัยของจักรพรรดิ์เต้ากวง ซึ่งมีดำริที่จะปราบปรามการค้าฝิ่นให้สิ้นซาก จึงได้มอบตำแหน่งให้ หลินเจ๋อสวี ขึ้นเป็นผู้ตรวจราชการสองมณฑล และดำเนินการกวาดล้างฝิ่นอย่างเข้มงวด
ภาพแสดงวิถีชีวิตของคนจีน(ชาวเซี่ยงไฮ้)ในสมัยโบราณฮ่ะ..จะเห็นได้ว่าในขณะที่ผู้หญิงเลี้ยงลูก ผู้ชายก็นอนดูดฝิ่นอยู่ใกล้ ๆ
หลินเจ๋อสวีนั้น ได้เริ่มงานด้วยการห้ามค้าฝิ่นในมณฑลกวางตุ้งฮ่ะ จากนั้นจึงจับพ่อค้าฝิ่นชาวจีนไปคุมตัวในเรือนจำ ใครค้า่ฝิ่นจะต้องโทษถูกประหารและเสียบหัวประจาน เพื่อให้ชาวจีนเกิดความเกรงกลัวจะได้ไม่ค้าฝิ่นอีก นอกจากนี้ยังพยายามฟื้นฟูสุขภาพของชาวจีนที่ติดฝิ่น รณรงค์การอดฝิ่น เรียกว่าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนที่ติดฝิ่นสามารถเลิกเสพได้
นอกจากนั้นหลินเจ๋อสวีก็ยังสั่งห้ามเรือของพ่อค้าต่างชาติไม่ให้บรรทุกฝิ่นเข้ามาในอาณาจักรจีนเด็ดขาดฮ่ะ มีการประกาศให้พ่อค้าต่างชาติที่มีฝิ่นในครอบครอง ต้องนำฝิ่นมาส่งมอบให้ทางการจีน แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด พ่อค้าชาวต่างชาติก็ยังคงดื้อแพ่งและค้าฝิ่นกันต่อไป ที่สุดหลินเจ๋อสวีจึงได้สั่งปิดล้อมย่านการค้าของคนต่างชาติ และบีบให้พ่อค้าต่างชาติส่งฝิ่นให้ทางการจีน
หลังจากปิดล้อมย่านการค้าของชาวต่างชาติอยู่สองวัน พวกพ่อค้าต่างชาติก็ยอมมอบฝิ่นออกมาในที่สุด ฝิ่นที่ยึดได้ครั้งนี้ หลินเจ๋อสวีสั่งให้เอาละลายกับกรดน้ำส้มกับเกลือและน้ำ เพื่อฆ่าฤทธิ์ของฝิ่น แล้วก็โยนทิ้งทะเล ซึ่งผลจากการเอาจริงเอาจังในการปราบปรามของหลินเจ๋อสวี ทำให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อค้าชาวอักฤษ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล แต่เนื่องจากฝิ่นนั้นเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงและทำกำไรงาม จึงยังคงมีพ่อค้าชาวต่างชาติทั้งชาวอักฤษและโปรตุเกส ลักลอบค้ากันต่อไป แต่ได้เปลี่ยนฐานการค้าจากมณฑลกวางตุ้งไปอยู่ที่ ฮ่องกงและมาเก๊าแทน
ความขัดแย้งของทางการจีนในเรื่องของการปราบปรามฝิ่นอันเนื่องมาจากการค้าของพ่อค้าชาวต่างชาติ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นฮ่ะ และที่สุดเมื่อชาวจีนถูกกะลาสีเรือชาวอังกฤษฆ่าตายที่เกาลูน และอังกฤษไม่ยอมส่งตัวผู้ก่อเหตุมารับโทษตามกฎหมายจีนตามคำขอของหลินเจ๋อสวี ทำให้หลินเจ๋อสวีขับไล่ชาวอังกฤษทั้งหมดออกจากมาเก๊า ส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษถือเป็นเป็นเหตุให้ทำสงครามกับจีน
แต่ด้วยความที่แสนยานุภาพทางการทหารและอาวุธต่างกันโดยสิ้นเชิงฮ่ะ ที่สุดจีนก็ต้องพ่ายแพ้ต่ออังกฤษ และต้องทำสัญญาสงบศึกที่ชาวจีนถือว่าอัปยศที่สุด ก็คือ สนธิสัญญานานกิง โดยเนื้อหาหลัก ๆ ก็คือ อังกฤษได้บังคับให้จีนเปิดเมืองท่าตามชายทะเลเพื่อค้าขายกับอังกฤษ และขอสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนจีน (ทำผิดกฎหมายในประเทศจีนแต่ไม่ต้องขึ้นศาลจีน) รวทั้งสิทธิใด ๆ ที่ชาวอังกฤษได้รับ ชาวต่างชาติอื่น ๆ ก็จะต้องได้รับด้วย
เบื่อยัง..5555+ บอกแล้วว่าอิชั้นเป็นคนเล่าอะไรเล่ายาว ภาพบนนี่ถ่ายเจาะ้เข้าไปในอาคารจำลองฮ่ะ คนชอบโมเดลย่อส่วนน่าจะชอบ
ไม่อยากเล่าเยอะ เดี๋ยวคนที่ตามมาเที่ยวจะเบื่อกันซะก่อน แหะ ๆ ทิ้งท้ายกันด้วยภาพในภัตาคารจีนในสมัยโบราณของนครเซี่ยงไฮ้ละกันเนอะ
ในตอนหน้าของบล็อกทริปถูกใจ เราจะไปเที่ยวชมสถานที่ที่เป็นไฮไลต์ของเมืองเซี่ยงไฮ้กันต่อค่ะ แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ
เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai
อ้างอิงข้อมุลจาก วิกิพีเดีย