วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เที่ยววัดเขาหลิงซาน เมืองอู๋ซี


หลังจากเดินลงมาจากบนเขาหลิงซานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่หลิงซานต้าฝอเรียบร้อยแล้ว อิชั้นก็ขอมานั่งพักเหนื่อยก่อนฮ่ะ จริง ๆ ถ้าจะให้เดินเที่ยวที่วัดนี้ให้ทั่ว ๆ อิชั้นว่าคงต้องใช้เวลาเป็นวันเลยเชียวแหละ แต่เนื่องจากเรามากันในคราบกรุ้ปชะโงกทัวร์ เค้าปล่อยให้เดินเกือบสามชั่วโมงนี่ก็ดีนักหนาแล้ว


นาทีนี้ อิ่ป้าอยากพึ่งพาเสลี่ยงส่วนตัวมาก 5555+ Y.Y


หายเหนื่อยแล้วก็เดินกันต่อค่ะ เราคงต้องทำเวลากันหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องเดินย้อนกลับไปชมการแสดงที่ลานน้ำพุซึ่งเป็นไฮไลต์ของที่นี่ตอนบ่ายสองอีก แต่แหม..ไอ้การวิ่งไปถ่ายรูปไปนี่มันทรมารสังขารอิชั้นเสียจริง นี่มันเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้อิชั้นอยากจะไปเที่ยวที่ไกล ๆ ซะตั้งแต่อิ่ตอนแข้งขายังมีแรงก่อน เพราะขืนแก่ตัวไป คงไม่มีปัญญาวิ่งสู้ฟัดได้ขนาดนี้แน่ ๆ


เอาเป็นว่าฟังอิชั้นบ่นไป ชมรูปกันไปพลาง ๆ ก็ละกันนะคะ อิอิ..


มุมสวย ๆ ของที่วัดนี่เยอะอยู่ค่ะ แถมสถานที่ก็กว้างขวางจนเดินแทบไม่ทั่วถึง ดังนั้นถึงแม้ว่าผู้คนที่มาไหว้พระหรือมาท่องเที่ยวจะมากเพียงไร ก็ไม่รู้สึกว่าอึดอัดคับแคบ ยังพอจะเก็บภาพมุมต่าง ๆ ที่ไม่มีคนเดินไปเดินมาประกอบฉากได้มั่ง


วัดเขาหลิงซาน นั้นมีพื้นที่โดยรวมมากกว่า 7 หมื่นตารางเมตร และแบ่งโซนสถาปัตยกรรมออกเป็นสองฝั่ง ได้แก่ฝั่งตะวันออกและตะวันตก เดี๋ยวเราจะเดินข้ามไปชมอีกโซนนึงแบบรีบ ๆ กันสักนิดเนาะ


เดินจ้ำอ้าวมาอีกไกลพอดู ที่นี่คือ ศาลาฝานกง ค่ะ ใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมพุทธศาสนาโลก (World Buddhist Forum) ครั้งที่ 2 รูปแบบสถาปัตยกรรมแลดูแปลกตา ไม่ค่อยเหมือนวัดวาแบบจีน ๆ สักเท่าไหร่ ว่ากันว่าภายในสวยงามอลังการมาก เสียดายที่อิชั้นไม่มีเวลาเดินเข้าไปดูด้านใน เพราะใกล้จะถึงเวลาแสดงที่ลานน้ำพุเต็มทีแล้ว


หลังคาของศาลาหลังนี้เป็นรูปเจดีย์ 5 องค์ ข้อมูลที่รู้มาก็คือภายในห้องโถงของศาลาฝานกง จุคนได้ตั้ง 2,000 คนแน่ะ แถมยังใช้เป็นที่จัดแสดงละคอนโอเปร่าทางพุทธศาสนาเรื่อง "หนทางสู่นิพพาน" อีกด้วย.....อยากดูเนอะ กระซิก ๆ T^T

อ่ะ..ถ่ายรูปทำเวลากันได้เท่านี้เอง..ย้อนกลับไปดูการแสดงที่ลานน้ำพุด้วยกันดีกว่านะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai


วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไหว้พระใหญ่แห่งวัดเขาหลิงซาน ตอนที่ 7


ในตอนที่แล้วของการเดินเที่ยวชมความงามของ วัดเขาหลิงซาน แห่งเมือง อู๋ซี นั้น เราดั้นด้นขึ้นบันไดกว่า 200 ขั้นมาจนถึงอาคารฐานขององค์พระใหญ่แห่งเมืองอู่ซีกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วฮ่ะ แต่จนแล้วจนรอด อิชั้นก็ยังหาทางปีนขึ้นไปบนฐานดอกบัวที่รองพระบาทขององค์พระไม่ได้ เที่ยวเดินหาอยู่ตั้งนาน จนในที่สุดก็ต้องทำใจกล้า ถามเจ้าหน้าที่สาวสวยที่เดินอยู่แถวนั้น (โชคดีที่เธอเข้าใจภาษาอังกฤษปนภาษามือและภาษาใบ้ของอิชั้น นาทีนี้..ปรบมือให้เธอรัว ๆ 5555+)


ตกลงว่าเราจะขึ้นไปยังฐานพระบาทขององค์พระได้สองวิธีนะคะ นั่นก็คือขึ้นลิฟต์ซึ่งอยู่ด้านข้างของอาคารไปทอดหนึ่ง แล้วต่อจากลิฟต์ก็ต้องเดินขึ้นบันไดแคบ ๆ ไปอีกทอดหนึ่ง กับอีกวิธีก็คือขึ้นไปผ่านส่วนของห้องแสดงนิทรรศการ


ภาพอิ่ตอนเดินตามเค้าไป..เหมือนภาพถ่ายในหนังเรื่องชัตเตอร์ยังไงยังงั้น เอิ่ม..มันจะเบลออะไรขนาดนั้นคะคุณพี่ >0</


บันไดทางขึ้นแคบมว๊ากกฮ่ะ..เดินได้แบบแถวตอนเรียง 1 เท่านั้นเอง โชคดีที่ทางขึ้นและทางลงมันคนละทางกัน ไม่งั้นขืนสวนกันไปสวนกันมา มีได้พบรักระหว่างไหว้พระกันมั่งเป็นแน่


กรี๊ดดด..ถึงภายในดอกบัวฐานองค์พระแล้ว..ดูวิวทิวทัศน์ด้านล่างนั่นสิ..ช่างสวยงามสุดลูกหูลูกตาซะนี่กระไร


คุณเจ๊นี่หน้าตาคุ้น ๆ 5555+ น้าสาวอิชั้นเองฮ่ะ ว่ากันว่าใครที่มาไหว้องค์พระใหญ่แห่งเขาหลิงซานนี่ต้องมาลูบบริเวณที่เป็นองค์พระค่ะ เพื่ีอความโชคดีและความเป็นสิริมงคลของตัวเอง จะเห็นได้ว่าสีของส่วนที่เป็นจีวรองค์พระจะมีรอยลูบ ๆ คลำ ๆ จนเลื่อมไปหมด

พระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งเขาหลิงซาน หรือพระใหญ่หลิงซาน (หลิงซานต้าฝอ 灵山大佛) นี่เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรที่ทำจากทองสำริดน่ะนะคะ อิชั้นเคยให้ข้อมูลเพื่อน ๆ ไปในหลายตอนแระ ว่าองค์พระมีความสูงถึง 88 เมตร และมีน้ำหนักกว่า 700 ตัน แต่ก็คงยังไม่ได้บอกว่าดีบุกทั้งหมดที่นำมาสร้างพระใหญ่องค์นี้ ถ้าแผ่ออกมาจะมีกินพื้นที่ถึง 9,000 ตารางเมตร ซึ่งก็นับว่าเป็นองค์พระที่มีขนาดใหญ่มากกว่าที่อื่น ๆ ซึ่งอิชั้นเคยเห็นมาเลยทีเดียว


ไหว้พระและชื่นชมความงามของวิวทิวทัศน์เบื้องล่างจนหนำใจแล้ว อย่าช้าเลยดีกว่าฮ่ะ เรายังต้องใช้เวลาเดินเที่ยวชมในวัดอีกหลายจุด ขาเดินลงนี่เราจะผ่านห้องจัดแสดงนิทรรศการพุทธศิลปะด้วย




เฮือก..ปฏิบัติภารกิจในการพาเพื่อน ๆ ทุกท่านขึ้นมาไหว้พระใหญ่จนสำเร็จเรียบร้อยละ ในตอนหน้าของทริปถูกใจ เราไปเดินชมความงามในส่วนอื่น ๆ ของวัดหลิงซานกันบ้างนะคะ

ปล.อะไรนะ หลงเข้ามาตรงนี้แล้วยังไม่ได้อ่านเรื่อง "ไหว้พระใหญ่แห่งเขาหลิงซาน" ตอนแรก ๆ งั้นเหรอ งั้นก็ตามลิ้งค์ไปได้เลยฮ่ะ :P ไหว้พระใหญ่เขาหลิงซาน ตอนที่ 1

เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai




ไหว้พระใหญ่แห่งวัดเขาหลิงซาน ตอนที่ 6



เที่ยววัดเดียวเลี้ยวมาได้ถึง 6 ตอน กรั่ก ๆ ๆ ...ไม่อึดจริง ไม่ทนจริงทำไม่ได้นะเนี่ย เง้อออ..

เรากำลังเดินเที่ยวชมความงามของ วัดเขาหลิงซาน แห่งเมือง อู๋ซี กันอยู่นะคะ ซึ่งไฮไลต์ที่ทุกคนที่มาเยือนวัดแห่งนี้ต้องทำอย่างหนึ่งเหมือน ๆ กันก็คือการพยายามขึ้นบันไดไปไหว้พระใหญ่แห่งเขาหลิงซาน ซึ่งมีความสูงถึง 88 เมตร หนักกว่า 700 ตัน และอยู่สูงลิบลิ่วทิวไผ่งาม (มีทิวไผ่ตรงไหนยะ ??!!) ให้ได้ฮ่ะคือหมายถึง..มันสูงมาก ๆ อ่ะค่ะคุณพี่..แค่เห็นบันไดที่จะขึ้นไปยังฐานพระ อิชั้นก็เข่าอ่อนล่วงหน้าไปเรียบร้อยแระ


เค้าว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด แล้วไอ้ที่อิชั้นบรรยายเล่าเป็นคุ้งเป็นแควมาตั้งหลายตอนนี่ ตอบให้ชื่นใจหน่อยได้มั้ยคะที่รัก ว่า...เออ..ตรูอ่านมากกว่า 8 บรรทัดเฟร้ย..(อะคริ อะคริ--เสียงหัวเราะน่าจีบ เอ๊ย..น่ืาถีบมาก)


สาธุค่ะท่านคะ..ท่านอยู่สูงมากเลยค่ะ หนูพยายามไต่ขึ้นไปปานประหนึ่งกำลังประลองกำัลังขาชิงเหรียญทองแห่งธรรมในโอลิมปิกโลก..เห็นแผ่นหินแกะสลักภาพบนนั่นมั้ยคะ อิชั้นนับดูแล้วมันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 แผ่น และแต่ละแผ่นก็จะอยู่ใจกลางของขั้นบันไดเป็นช่วง ๆ เดาเอาว่าน่าจะเป็นการแกะสลักเรื่องราวของการเผยแพร่พุทธศาสนาในประเทศจีนเค้าล่ะ


หลายคนพยายามกดอันไลค์เฟซบุ้คทริปถูกใจออกยิก ๆ 55555+ อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะคะ อยู่เป็นเพื่อนกันก๊อนนนนน...หันหลังกลับไปถ่ายภาพจากมุมสูงสักแชะ เออ..สูงจริงนะเนี่ย


ถึงจุดที่เป็นอาคารฐานองค์พระแล้วค่ะ ภายในมีห้องโถงที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปกรรมทางพุทธศาสนาด้วย และมีบางส่วนที่ขายของที่ระลึก เราเข้าไปดูด้านในกันนะคะ


เข้ามาแล้วทำไมดูโล่ง ๆ ...เอิ่ม..ตกลงตรูหลงทางเองสินะ กรี๊ดดดดด... T^T


ออกมาตั้งหลักก่อน เอิ่ม..ตกลงมันขึ้นทางไหนกันแน่ละเนี่ย ทำไมอิชั้นถึงขึ้นไปถึงฐานดอกบัวเหมือนคนอื่นๆ  เค้าไม่ได้อ่ะ


เดินวนกันไปก่อนนะคะ กรั่ก ๆ ๆ เดี๋ยวตอนหน้าจะถาขึ้นไปถึงด้านในดอกบัวซึ่งเป็นฐานขององค์พระใหญ่กันค่ะ แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai




ไหว้พระใหญ่แห่งวัดเขาหลิงซาน ตอนที่ 5


ก่อนที่จะเดินขึ้นไปกราบสักการะ พระใหญ่แห่งเขาหลิงซาน หรือพระหลิงซานต้าฝอ 灵山大佛 ซึ่งมีความสูงถึง 88 เมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 700 ตัน เราก็ยังสามารถที่จะแวะกราบขอพรพระสังกัจจายซึ่งประดิษฐานอยู่เบื้องขวาขององค์พระใหญ่ได้ก่อนน่ะนะคะ


เห็นจำนวนเด็กน้อยที่ไต่อยู่ตามองค์พระแล้ว คงทายออกกันชิมิเคอะ ว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มากราบไหว้ท่านจะขออะไรกัน แหม..เสียดายที่อิชั้นยังโสด ไม่เช่นนั้นจะขอกับเค้าด้วยเหมือนกัน เอ๊ะ..หรือเราขอล่วงหน้าไว้หลาย ๆ ปีเลยดีฟระ (จะดีเหร๋อคะ....กรั่ก ๆ ๆ )


กราบพระสังกัจจายกันแล้ว คราวนี้ยังคงต้องเดินกันต่อค่ะ ที่เห็นอยู่ไกล ๆ นั่นคือซุ้มศาลาทรงเก๋งจีนซุ้มสุดท้าย ก่อนที่เราจะไปถึงบันไดทางขึ้นไปยังฐานขององค์พระใหญ่น่ะนะคะ


ภายในซุ้มมีองค์พระขนาดเล็กในกระจกแก้วคอยให้พรและความเป็นศิริมงคลแก่ผู้มาเยือนวัดแห่งนี้


เฮือก....ยังไม่ถึงอีกเร๊อะคุงพรี๊...... T^T


จริง ๆ แล้วคงต้องบอกว่าเป็นโชคดีของพวกเราฮ่ะ ที่มาไหว้พระใหญ่กันช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวยังไม่หนาตาเท่าไหร่ อิชั้นเป็นพวกนิสัยเสียอยู่อย่างนึงฮ่ะ ถ้าเห็นคนเยอะ ๆ แล้วมันไม่อยากถ่ายรูปอ่ะ ไอ้ครั้นจะไม่ถ่ายมาเดี๋ยวก็ไม่มีข้อมูลอะไรมาฝากมิตรฮักแควนเพลงกันอีก แถมเวลาเดินเที่ยวที่มีอยู่อย่างจำกัดก็บีบคั้นให้ถ่ายทุกอย่างโดยไม่ต้องคิดประดิษฐ์มุมกันเลยสักนิด...เฮ้อ..เอางี้ไปก่อนละกันเนอะ ถ้ามีโอกาสค่อยกลับไปแก้วตัวกันใหม่อีกรอบ..


ศาลาปฏิบัตรธรรมภายในวัดบ่งบอกถึงวัฒนธรรม จีน เต็มรูปแบบ มุมสวย ๆ เยอะฮ่ะ แต่ ณ.จุดนี้อิ่ป้าหมดแรงเดินแล้ว..


จวนจะถึงบันไดทางขึ้นไปฐานพระใหญ่แล้ว แต่ถ้าใครเดินไม่ไหวก็สามารถไหว้องค์พระจำลองที่อยู่ทางด้านล่างได้นะคะ




ไกลค่อด ๆ ........ เดินเที่ยวชมวัดหลิงซานกันมา 5 ตอนแล้วก็ยังไม่ถึงองค์พระใหญ่ซะที อันนี้คงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าวัดนี้กว้างขวางขนาดไหน >0</ เอาน่ะ..ตอนหน้าจะถึงองค์พระจริงๆ ละ แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้าละกันนิ





เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai


วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไหว้พระใหญ่แห่งวัดเขาหลิงซาน ตอนที่ 4


เมื่อยจุง ๆ เลยนะคะที่รัก....

...เย้ย..5555+

เรายังคงจุดเทียนเวียนวน เรามาหลายคนวนเอ๋ยวนเวียนกันอยู่ใน วัดเขาหลิงซาน แห่งเมือง อู๋ซี นะคะ (เริ่มหอบแดร่กแระ >.< อุอุ)..งานนี้อิชั้นคะเนดูจากพื้นที่และระยะทางที่ต้องเดินเที่ยวชมบริเวณวัดดูแล้ว คาดว่าน่องจะโป่งน้อง ๆ พี่สามล้อถีบออกมาอีกราว 0.05 ซม.ฮ่ะ..โป่งไม่โป่งเปล่า ตกกลางคืนมันจะปวดด้วยรึเปล่านี่สิ งานนี้อิ่ป้าจะุหันหลังกลับก็ไม่ได้ละ ก็ลากสังขารเดินกันไป เอ้า..เดินก็เดินฟระ.. T^T

เดินผ่านพ้นลานน้ำพุมาได้หน่อยนึงก็เข้าสู่ส่วนของสถาปัตยกรรมที่จัดสร้างขึ้นในลานเผยแพร่พระพุทธศาสนาฮ่ะ


ที่เห็นเป็นเสาวสูง ๆ และมีรูปราชสีห์หรือสิงห์แกะสลักหันหลังชนกันอยู่ 4 ตัว นั่นก็คือเสาอโศกน่ะนะคะ เสาอโศกนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระพทธศาสนา โดยมีความเป็นมาว่าเมื่อครั้งอดีต พระเจ้าอโศกมหาราชท่านได้ทรงสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และที่มีราชสีห์สลักอยู่บนหัวเสา ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้แผ่ไพศาลไปไกลดุจเสียงคำรามของราชสีห์นั่นเองค่ะ

หลุดจากลานเสาอโศกไป คราวนี้ก็จะไปถึงในส่วนของบันไดอันสูงลิบลิ่วที่จะขึ้นไปสักการะบูชาพระใหญ่แห่งเขาหลิงซานกันบ้าง แต่ก่อนที่จะขึ้นบันไดไป เราก็ยังสามารถที่จะแวะกราบไหว้บูชาพระหัตถ์จำลองของพระใหญ่หลิงซานต้าฝ๋อกันได้ก่อน ซึ่งพระหัตถ์นี้ทำด้วยโลหะสัมฤทธิ์เช่นกัน ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของพระใหญ่น่ะนะคะ


ว่ากันว่าบริเวณใจกลางฝ่ามือจำลองขององค์พระใหญ่หลิงซานนั้นสื่อถึงความปราถนาที่จะให้โลกนี้สงบสุขค่ะ  ดังนั้นจึงจะเห็นว่ามีผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศที่มาไหว้พระทำบุญที่นี่ แวะกราบไหว้บูชาและลูบบริเวณใจกลางฝ่ามือของพระหัตถ์จำลองเพืี่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตกันอย่างล้นหลาม


ดูขนา่ดของฝ่ามือเมื่อเทียบกับขนาดของผู้คนแล้ว ก็เชื่อว่าใหญ่จริง >.<.....สาธุ..


เรายังขึ้นไปไม่ถึงตีนบันไดขององค์พระใหญ่เลย ในตอนหน้าของบล็อกทิปถูกใจ เราจะมาแวะไหว้พระสังกัจจายซึ่้งประดิษฐานอยู่ทางเบื้องขวาขององค์พระกันก่อน แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai