วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

มุ่งหน้าสู่เวียดนาม


ทริปนี้เริ่มต้นกันตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2555 ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2556 ฮ่ะ เรียกกันง่าย ๆ ว่าเป็นการเที่ยวข้ามปีกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น อิชั้นไม่แนะนำสำหรับคนที่มีแพลนที่จะฉลองเทศกาลสำคัญ ๆ แบบนี้กับครอบครัวเพื่อนฝูงหรือคุณแฟนอ่ะนะคะ นอกเสียจากว่าจะกระเตงไปเที่ยวด้วยกัน (ไม่งั้นอาจมีประเด็น !! 555+) ส่วนอิชั้นหายห่วงทนห้าห่วงฮ่ะ เนื่องจากโสด โสด และโสด..ดังนั้น..จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมานั่งนึกห่วงกังวลความรู้สึกของคนข้างเคียงนัก จะมีห่วงก็แต่แม่กับหมาที่บ้านเท่านั้นล่ะ ที่อาจจะต้องเหงาไปอีกหลายวันหน่อยนึ้ง (แต่อิชั้นก็ใช้เวลากับครอบครัวทุกวันอยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเทศกาลปีใหม่เป็นพิเศษอ่ะนะคะ)

โปรแกรมทัวร์ของเรา (โมเมว่าเป็นของตรูเลยละกัน) เริ่มต้นกันที่วันที่ 28 ธันวาคม ค่ะ ทางบริษัททัวร์ได้ส่งสาน์รแนะนำมาทางเมล์ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าเราจะนัดพบกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาเที่ยงครึ่งนะ ซึ่งแน่นอนว่าอิชั้นก็ต้องรีบตาลีตาเหลือกไปขึ้นเครื่องบินจาก ตจว.เที่ยวเช้า เพื่อไปให้ทันเวลานัดให้จงได้

งวดนี้อิชั้นใช้วิธีจองตั๋วเที่ยวไป-กลับจากพิษณุโลกค่ะ สนนราคาสองเที่ยวก็ตกอยู่ในราว 3 พันกว่า แต่เนื่องจากเป็นตั๋วชนิดที่ขยุกขยิกเปลี่ยนเที่ยวบินไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจให้แน่นอนว่าจะไปวันไหนเวลาไหนเพื่อไม่ให้พลาด


อิชั้นพบกันน้องซิน ไกด์สาวน้อยของทางบริษัททัวร์ที่ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออกตอนเที่ยงเศษฮ่ะ แรก ๆ ก็มีอาการเกร็งเล็กน้อย เพราะดูเหมือนตัวเองจะแปลกแยกพิก๊ล ก็คนอื่นเค้ามากันทีละสองทีละสาม แล้วก็นั่งจับกลุ่มคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง น่าร๊ากกก.. แต่ยัยนี่ลากกระเป๋าหัวฟูหน้ามันโดด ๆ มากะเค้าคนเดี๊ยะ (นึกสภาพผักเหี่ยวที่ต้องถูกเด็ดมาตั้งแต่ตี 5 แล้วก็มาวางกองอยู่กลางสนามบินสุวรรณภูมิเกือบ 7 ชม.ดูเหอะ) แถมก่อนหน้านั้นน้องซินโทร.แจ้งไว้แล้วว่า คืนแรกจะให้อิชั้นนอนกับลูกทัวร์คนอื่นก่อน 1 คืน นัยว่าเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคยังไงไม่รู้ บริษัทดันจองห้องที่โฮจิมินห์คืนแรกไม่พอ 1 ห้องว่างั้นเหอะ..สารภาพว่าขัดข้องใจเล็กน้อยนะค้า อารายฟระ..จู่ ๆ จะให้อิชั้นไปนอนเบียดกับคู่อื่นซะงั้น ไม่เกรงใจอิชั้นก็เกรงใจคนอื่นมั่งดิ่

แต่หลังจากนั้นแค่ 2 วัน อิชั้นก็ต้องขอบคุณทางทัวร์มากค่ะ ที่ทำให้อิชั้นได้เพื่อนเที่ยวที่ดีเพิ่มขึ้นอีกตั้งสองคน ^^ ซึ่งงานนี้ถือว่าได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกตั้งสองต่อนะนี่

เที่ยวบินของสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK68 ออกบินสู่โฮจิมินห์ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมไปประมาณชั่วโมงนึงฮ่ะ คือจากที่ต้องบินเวลา 15.15 น. ก็เขยิบไปเป็น 16.15 น. แต่น้องซินได้กระซิบอกตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าไม่ต้องห่วงนะคะพี่..กัปตันสายการบินนี้ซิ่งพอตัวฮ่ะ หนูบินไปกับเตอกิสทีไร ถึงที่หมายไวกว่าเดิมทุกที นัยว่าคุณพี่เค้าอาจปวดขรี้ระหว่างขึ้นบินก็เลยต้องรีบ ๆ บินให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อนเวลาก็เป็นได้

ปกติแล้วการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-โฮจิมินห์จะใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีค่ะ แต่ก็อย่างที่น้องซินบอกนั่นล่ะ นั่งเล่นเย็น ๆ ใจไปราว ๆ ชั่วโมงครึ่งก็ถึงละ สัมผัสแรกเมื่ออิชั้นเหยียบย่างลงมาจากเครื่องบินก็คือ

"ทำไมที่นี่ร้อนงี้ฟระ" ..เอิ๊กกซ์..

สนามบินนานาชาติที่เครื่องเราไปลงนี้ชื่อว่า สนามบิน Tan Son Nhat International Airport ค่ะ ตอนนี้ถือว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยตั้งอยู่ห่างจากใจกลางนครโฮจิมินห์ ประมาณ 7 กิโลเมตร และสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 12 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว ข่าวล่าสุดก็คือตอนนี้รัฐบาลของ เวียดนาม ได้เริ่มสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งแห่งแล้วอ่ะนะคะ นั่นก็คือสนามบินนานาชาติ ลอง ถั่น ซึ่งจะอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครโฮจิมินห์ โดยห่างออกไปประมาณ 40 ก.ม. ขนาดพื้นที่ 5,000 เฮคตาร์ (31,250 ไร่) เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านเหรียญ หากสร้างเสร็จสมบูรณ์ จะมีขนาดใหญ่กว่าสนามบินสุวรรณภูมิของไทยเราซะอีก(โว๊ะ !!) สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 100 ล้านคน และขนสินค้าได้อีกปีละ 5 ล้านตันเลยทีเดียว ปัจจุบันกำลังดำเนินการกันอยู่ค่า ก็คงต้องติดตามตอนต่อไปของสนามบินแห่งนี้กันไปเรื่อย ๆ ล่ะนะคะ


เล่ามาตั้งนานละ เท้าเพิ่งจะแตะขอบสนามบินโฮจิมินห์เท่านั้นเอง คราวหน้ามาเที่ยวด้วยกันต่อนะคะ


อ้างอิงข้อมูลจาก http://122.155.9.68/talad/index.php/vietnam/area/hcmc
ภาพประกอบโดย Pacharawalai



ข้อมูลก่อนไปเวียดนามใต้


เมื่อตอนที่แล้ว อิชั้นได้นำเอาเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประเทศ เวียดนาม มาฝากกันไปเล็กน้อยละ ทีนี้ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวไหน เราก็คงจะต้องมาเตรียมตัวเรียนรู้กันก่อน ว่าไอ้สถานที่ที่เราจะไปนั้นอ่ะ มีข้อมูลพื้นฐานอะไรบ้าง อย่างน้อยเราก็จะได้เตรียมตัวหรือเตรียมสิ่งของที่จะนำไปใช้งานที่นั่นได้ถูก ไม่ใช่เอะอะอะไรก็จะยัดบ้านยัดที่ดินใส่กระเป๋าเดินทางกันไปดื้อ ๆ ประเภทที่เตรียมไปก่อนเถอะน่ะ เผื่อได้ใช้ ?? ซึ่งแน่นอนว่าขืนทำยังงั้น แทนที่จะเที่ยวได้อย่างสนุก กลับจะต้องมานั่งห่วงนั่งกังวลเกี่ยวกับสัมภาระที่ขนไป แถมเหนื่อยกับการเก็บการลากกระเป๋าไปนู่นไปนี่อีก ซึ่งก็ไม่เหมาะไม่ควรสำหรับคนขี้เกียจแบบอิชั้นเป็นอย่างยิ่ง (แหะ ๆ)


เวียดนาม นั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม" ฮ่ะ ปัจจุบันนี้เมืองหลวงชื่อ กรุงฮานอย ตั้งอยู่บริเวณเวียดนามเหนือ

แผนที่ของเวียดนามนั้น ทิศเหนือ จะติดกับสาธารณรัฐประชาชนจีน,ทิศใต้ ติดกับอ่าวไทยและทะเลจีนใต้,ทิศตะวันออก ติดกับทะเลจีนใต้ ส่วนทิศตะวันตก ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา

สภาพภูมิศาสตร์ ของประเทศเวียดนาม จะมีลักษณะคล้ายตัว “s” ขนาดใหญ่ที่ยาวเหยียดค่ะ โดยกินบริเวณไปตาม ความยาวของคาบสมุทรอินโดจีน พื้นที่ประมาณ 3 ใน 4 ของเวียดนามประกอบด้วยภูเขาและป่าไม้ บริเวณที่กว้างที่สุดของประเทศอยู่ทางภาคเหนือมีระยะทาง 600 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดระยะ ทาง 50 กิโลเมตร

ภูมิอากาศ-ภูมิอากาศของเวียดนามจะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ค่ะ และเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่มีความยาวถึง 1,650 กิโลเมตร จากเหนือจรดใต้ จึงทำให้บางพื้นที่อุณหภูมิแตกต่างกันเป็นอย่างมาก อย่างเช่นอุณหภูมิในภาคเหนืออาจลงต่ำถึง 10 องศา และมีลมหนาวจัด ส่วนภาคใต้กลับร้อนจัดตลอดทั้งปี และมีสภาวะ อากาศแบบมรสุม

ภาคเหนือของเวียดนามมี 2 ฤดูค่ะ คือฤดูหนาวและฤดูร้อน ฤดูเริ่มร้อนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน คือจะมีอากาศแบบร้อนชื้น ฝนตกมาก ฤดูหนาวอากาศจะแห้งและหนาวจัด ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมมีฝนตกประปราย

ภาคกลางจากดานังถึงยาตรังมีลักษณะอากาศที่แตกต่างออกไปเนื่องจากมีมรสุม ฤดูแล้งเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน มีฝนตกตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนมกราคม

ส่วนภาคใต้มี 2 ฤดูค่ะ คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง ฝนจะเริ่มตกเดือนพฤษภาคมและสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน ระหว่างนี้ จะมีฝนตกหนักราววันละ 20 หรือ30 นาทีในตอนบ่ายหรือตอนเย็น เดือนกุมภาพันธ์ถึงปลาย เดือนเมษายนอากาศร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 30 องศา C ต้นๆ มีอัตราความชื้นสูง ส่วนฤดูแล้งเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนน่ะนะคะ

ระบอบการปกครองของเวียนดนามนั้น ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ค่ะ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 53 เขต มีเมืองใหญ่ 3 เมือง คือ ฮานอย กรุงโฮจิมินห์ และไฮฟอง

ในเรื่องของภาษานั้น ภาษาเวียดนามขึ้นชื่อว่าเป็นภาษาที่ยากที่สุดภาษาหนึ่งนะคะ เนื่องจากเป็นภาษาที่ อยู่ในกลุ่มภาษาออสโตรเอเชียติก ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาจีนและธิเบต ชาว เวียดนามประดิษฐ์อักษร ของตัวเองขึ้นมาโดยอาศัยแบบอย่างมาจากจีน แต่ได้ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ ภาษาที่ตัวเองต้องการ เรียกว่า“โนมจน”ต่อมา บาทหลวงชาวฝรั่งเศสได้แปลภาษา ให้เป็นแบบโรมัน เรียกว่า “กว๊อก หงือ” ปัจจุบันวัยรุ่นหนุ่มสาวเวียดนามหันมาพูด ภาษาอังกฤษกันมากขึ้นส่วนภาษา ฝรั่งเศสเป็นภาษาที่มักจะใช้ในหมู่ผู้สูงอายุเท่านั้น

สำหรับศาสนานั้นส่วนใหญ่คนเวียดนามจะนับถือศาสนาพุทธ 55% ค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นคริสต์ 7% และศาสนาอื่น ๆ อีก 38%

สกุลเงิน หน่วยเงินของเวียดนามคือ ด่อง โดยทั่วไป 1 USD แลกได้ 15,000 ด่อง และ 400 ด่อง ต่อ 1 บาทไทยขึ้นลงในแต่ละวันน่ะนะคะ




เรียบเรียงข้อมูลจาก http://www.gustotour.com/info_asia/vietnam/vietnam.html
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

เที่ยวเวียดนามใต้-โฮจิมินห์-มุยเน่-ดาลัท


จำได้ว่าการตัดสินใจไปเที่ยวทริปนี้ใช้เวลาสั้นแป๊บเดียวฮ่ะ..คือด้วยการแวะเวียนเข้าไปดูตารางทัวร์ของเว็ป ๆ นึงทางอินเตอร์เน็ตแล้วเห็นว่าเออ..น่าสนใจดีฟร่ะ เพราะเป็นทัวร์ที่ไม่เน้นช้อปปิ้งและค่อนข้างจะให้เวลาในการถ่ายรูปแต่ละที่ค่อนข้างมากกว่าทัวร์อื่น อิชั้นก็เลยตัดสินใจลองเคาะถามในกล่องข้อความของทางเว็ปดู..ว่าถ้าหากอิชั้นไปคนเดียวนี่..จะพอหาเพื่อนร่วมห้องให้อิชั้นได้มั้ยเค๊อะ..

"ทำไมถึงไปคนเดียว" หุหุ..หลาย ๆ คนก็คงมีคำถามนี้อยู่ในใจกันมั่งล่ะ เพราะการเที่ยวคนเดียวนั้น น่าจะเหงามากกว่าการมีเพื่อนเที่ยวอยู่ไม่หยอก แต่ด้วยความที่ปกติตัวเองก็ทำอะไรแบบคนเดียว ๆ มานานหลายปีละ และค่อนข้างจะเคยตัวกับการ "ไม่มีคนอยู่ข้าง ๆ" ให้คอยห่วงกังวล เอิ่ม..พูดให้ดูสวยงามไปงั้นแหนะนะคะ อุอุ..จริง ๆ แล้วเหตุผลมันน่าจะเริ่มจากการที่ติสท์แตกเป็นระยะ ๆ เลยไม่ค่อยได้คบหาใครตั้งแต่ต้นกระมัง พอนาน ๆ ไปก็เลยชักไม่ค่อยมีใครคบ (ฮา~~) เอาเป็นว่า..ก็ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวนั่นล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากตั้งใจไปเดินถ่ายรูป หวยก็มักจะมาออกตรงที่ใครก็ "อย่ามายุ่ง"เอาดื้อ ๆ

ทริปนี้จึงเริ่มต้นอย่างลวก ๆ ด้วยการจองทริป-จ่ายตังค์ และนั่งรอเวลาอย่างชิล ๆ เผลอแป๊บเดียวก็ถึงเวลาเดินทางเอาหน้าด้าน ๆ ชนิดที่ไม่ค่อยจะได้เตรียมตัวอะไรด้วยซ้ำไปอ่ะนะ


หมายกำหนดการของทริปนี้ก็ง่าย ๆ ฮ่ะ คือทางทัวร์เค้าจะเริ่มตั้งแต่การออกเดินทางจากเมืองไทยด้วยสายการบิน เตอกิส แอร์ไลน์ ไปลงที่ โฮจิมินห์ จากนั้นก็เที่ยวในโฮจิมินห์ซะครึ่งวันแถว อุโมงค์กู๋จี ก่อนจะนั่งรถยิงยาวไปยัง จ.ฟานเถียธ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ทะเลทรายมุยเน่ เที่ยวทะเลทรายมุยเน่ซะครึ่งวัน แล้วก็ฺยิงยาวไปยังเมือง ดาลัท อยู่ดาลัทเต็มวันอีกวันนึง ค้างดาลัทสองคืน แล้วก็เดินทางย้อนกลับมาโฮจิมินห์ แต่ก่อนที่จะออกเดินทางไปด้วยกัน เรามาดูข้อมูลคร่าว ๆ ของเวียดนามใต้ด้วยกันสักเล็กน้อยเพื่อเป็นการปูพื้นกันสักนิดเนาะ

ประเทศเวียดนาม นั้น แบ่งการปกครองออกเป็นสองส่วนฮ่ะ นั่นก็คือ เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ ซึ่งเวียดนามใต้ที่เรากำลังจะไปเที่ยวกันนี้ เป็นรัฐที่เคยปกครองโดยคนต่างชาติที่เป็นประชาธิปไตยและต่อต้านคอมมิวนิสต์มาก่อน ตั้งแต่ปี พ.ศ 2498-2518 โดยได้ชื่อว่า สาธารณรัฐเวียดนามน่ะนะคะ

ตามประวัติศาสตร์แล้ว ในอดีต เวียดนามใต้เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในชื่อ โคชินไชน่า ค่ะ โดยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดมินห์ซึ่งนำโดย โฮจิมินห์ ได้สถาปนารัฐคอมมิวนิสต์ขึ้นที่ฮานอย(เวียดนามเหนือ) และในปี พ.ศ. 2492 นักการเมืองที่ไม่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ได้ทำการก่อตั้งรัฐบาลขึ้นที่เมืองไซ่ง่อน ซึ่งนำโดย อดีตจักรพรรดิเบาได๋

ในปี 2498 เบาได๋ถูกปลดโดยนายกรัฐมนตรี โง ดินห์ เดียม และแต่งตั้งตนขึ้นเป็นประธานาธิบดี หลังจากเดียมตายจากการรัฐประหารในปี พ.ศ.2506 ก็ได้มีรัฐบาลทหารอายุสั้นหลายสมัยได้ปกครองเวียดนามใต้

ปี พ.ศ. 2510 พลโทเหงียน วัน เถี่ยวได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีและได้ปกครองเวียดนามใต้จนถึงปี พ.ศ. 2518

สงครามเวียดนามเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2502 โดยกองกำลังเวียดกงซึ่งได้รับสนับสนุนโดยเวียดนามเหนือ การรบถึงจุดตัดสินในปีพ.ศ. 2511 แม้จะมีสนธิสัญญาสันติภาพในปีพ.ศ. 2516 แต่การรบยังคงต่อเนื่องจนกระทั่ง กองทัพเวียดนามเหนือยึดกรุงไซ่ง่อนได้ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 น่ะนะคะ (เครดิต วิกิพีเดีย)

รู้ข้อมูลและประวัติศาสตร์โดยย่นย่อของเวียดนามแล้ว คราวหน้าเราจะมาดูข้อมูลสำคัญ ๆ ที่น่ารู้ของเวียดนามก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวกันต่อค่ะ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ



อ้างอิงข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ภาพประกอบโดย Pacharawalai