วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

มุ่งหน้าสู่หังโจว


ทริปนี้เราออกเดินทางกันด้วยสายการบินเซี่ยงไฮ้ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ FM 854 ฮ่ะ และเนื่องจากเครื่องของเราจะออกเดินทางเวลาเที่ยงคืนยี่สิบ ดังนั้นจึงประมาณการณ์ได้ว่า งานนี้ลูกทัวร์เดนตายทั้งหลายจะต้องนอนค้างอ้างแรมอยู่บนเครื่องบินกันจนกว่าจะรุ่งสางนั่นล่ะ แถมพอเช้าแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เข้าที่พักเลยนะเค๊อะ แต่จะต้องรีบทำเวลาในการท่องเที่ยวต่อกันทั้งวันจนกว่าจะหมดโปรแกรมท่องเที่ยวที่ทางทัวร์เค้าแพลนมาให้

ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางระหว่างเมืองไทยกับมหานคร เซี่ยงไฮ้ ของจีนนั้นอยู่ที่ 3 ชั่วโมง 40 นาทีฮ่ะ ตีคร่าว ๆ ตัวเลขกลม ๆ ก็อยู่ที่ 4 ชั่วโมง แต่ด้วยเวลาของเมืองจีนที่ไวกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง ดังนั้น ตอนเราไปถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้ ฟ้ิาก็สางและนาฬิกาก็บอกเวลากว่า 6 โมงเช้าเข้าไปละ

โปรแกรมของวันนี้เราจะเริ่มต้นด้วยการกินอาหารเช้ากันก่อนค่ะ จากนั้นก็จะใช้เวลาในการนั่งรถบัสไปยัง เมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียงกันต่อ ซึ่งที่นั่นนอกจากจะมีความสวยงามจนในอดีตมีคำเปรียบเปรยถึงเมืองหังโจวและซูโจวว่า "บนฟ้ามีสวรรค์ บนดินมี ซู(โจว) หัง (โจว)" แล้ว ยังเป็นเมืองที่เป็นแหล่งเภสัชอุตสาหกรรมและเป็นที่ตั้งของสถาบันศิลปะที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศจีนอีกด้วย

ระหว่างการเดินทาง ไกด์ท้องถิ่นของเราซึ่งก็เป็นคนจีนแท้ ๆ แต่มีชื่อไทยให้เรียกกันง่าย ๆ ว่าคุณบูรพา ก็เริ่มพูดคุยถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศจีน แต่ด้วยความที่ระหกระเหินเดินทางกันมาตลอดตั้งแต่เย็นยันค่ำ..ค่ำยันเช้า สุดท้าย ฟังพี่แกอรรถาธิบายได้เพียงสามประโยคครึ่ง อิชั้นก็หลับเงิบ.........T^T

มาตื่นอีกทีก็ตอนแกชี้ชวนให้สมาชิกในรถดูไอ้เจ้าดอกสีเหลือง ๆ ที่โบกไสวอยู่กลางทุ่งนาริมทางเป็นหย่อม ๆ นั่นแหละฮ่ะ...เออนะ..เวลาข้อมูลอะไรดี ๆ ล่ะพลาด !! ส่วนไอ้ข้อมูลที่จริง ๆ มันไม่ได้จำเป็นต้องรู้สักนิด เจือกตื่นมาฟังซะงั้น >0</


คุณบูรพาเล่าว่าา ไอ้เจ้าดอกเหลือง ๆ ที่เราเห็นตลอดเส้นทางระหว่างเซี่ยงไฮ้และหังโจว ก็คือดอกน้ำมันฮ่ะ...เนื่องจากชาวจีนซึ่งเป็นชาวนาแถบนี้ไม่ซื้อน้ำมันประกอบอาหารใช้กัน แต่จะนำเอาเมล็ดของต้นน้ำมันหรือดอกน้ำมันนี้มาสกัดใช้กันทั้งทุ่ง(แสดงว่าต้องมีเครื่องสกัดน้ำมันกันทุกบ้าน) เอิ่ม..งี้โรงงานน้ำมันพืชเมืองไทยมาลงทุนที่นี่คงขายไม่ออกกันสิเนาะ

ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งยังคงมีความหนาวเย็นอยู่ช่วงนี้ วิวทิวทัศน์ของเมืองจีนแถบนี้สวยงามจริง ๆ ฮ่ะ ขนาดอิชั้นเองซึ่งถือว่าเป็นคนบ้านนอก เห็นวิวทิวทัศน์และคลุกคลีอยู่กับธรรมชาติเกือบทุกวันยังอดทึ่งไม่ได้ เพราะทุกที่ที่รถแล่นผ่านไป ก็จะเห็นต้นไม้ดอกไม้แทรกตัวกันอย่างกลมกลืนเป็นระยะ ๆ นอกจากนั้นแล้วบ้านเรือนของชาวจีนสองข้างทาง ยังใหญ่โตสวยงามแปลกตา เหมือนมีคนยกเอาคฤหาสถ์ของคนมีตังค์มาตั้งอยู่เป็นหย่อม ๆ ยังไงยังงั้น




แล้วอิชั้นก็ต้องทึ่งตึ้งโป๊ะเป็นรอบที่สอง เมื่อคุณบูรพาชี้ให้ดูว่า ไอ้เจ้าคฤหาสถ์ใหญ่ ๆ โต ๆ ที่อิชั้นเห็นอยู่นั่นน่ะ "บ้านชาวนา" นะยะ  (o_O")..เฮ่ย..เอาจริงอ่ะ บ้านชาวนาที่นี่ใหญ่โตโอ่อ่าขนาดนี้เลยเหรอ

"ไม่ต้องแปลกใจครับ..ที่เมืองจีนนี่เราถือว่าชาวบ้านนอกรวยกว่าชาวเมือง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเหรอครับ นั่นก็เป็นเพราะว่า คนบ้านนอกนั้นจะมีบ้านเดี่ยวที่สร้างเองบนที่ดินของรัฐบาล ส่วนคนเมืองจะมีเพียงแค่ห้องชุดเล็ก ๆ บนตึกสูง ๆ ที่ต้องอยู่รวมกันเป็นพัน ๆ ครอบครัวเท่านั้น"

แล้วทำไมถึงต้องสร้างให้มันใหญ่โตขนาดนี้เลยอ่ะ ?? ..............

รู้สึกว่าเนื้อหาบล็อกชักจะยาวไปแระ...ไว้มาเล่าต่อในตอนหน้าละกันนะคะ ^^


เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai